Tag Archive: EN102


Present Perfect Continuous Tense

 

รูปแบบ ; Verb to have (have / has) + been + Verb – ing

 

1. ประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 เช่น He, She, It, Marry                        ใช้ “has”

2.ประธานเป็นพหูพจน์ บุรุษที่ 3 เช่น Marry and Jim, They                         ใช้ “have”

3.ประธานเป็นเอกพจน์ บุรุษที่ 1 คือ I และพหูพจน์ บุรุษที่ 1 คือ we              ใช้ “have”

4.ประธานเป็นเอกพจน์ หรือพหูพจน์ บุรุษที่ 2 คือ you                                  ใช้ “have”

 

รูปแบบประโยคปฏิเสธ

รูปเต็มI have not been playing.                                   รูปย่อ   I haven’tbeen playing.

รูปแบบประโยคคำถาม Yes / No

รูปเต็มHave I not been playing?                                 รูปย่อ   Haven’t I been playing?

รูปปกติ          Have I been playing?

 

หลักการใช้

 

ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และจำดำเนินต่อไปในอนาคต

I have been doing my homework for an hour.

ฉันทำการบ้านมาชั่วโมงหนึ่งแล้ว และจะทำต่อไป

Present Perfect Tense

 

รูปแบบ ; Verb to have (have / has) + Verb ช่อง 3

 

1. ประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 เช่น He, She, It, Marry              ใช้ “has”

2.ประธานเป็นพหูพจน์ บุรุษที่ 3 เช่น Marry and Jim, They             ใช้ “have”

3.ประธานเป็นเอกพจน์ บุรุษที่ 1 คือ I                                            ใช้ “have”

4.ประธานเป็นพหูพจน์ บุรุษที่ 1 คือ we                                         ใช้ “have”

5.ประธานเป็นเอกพจน์ หรือพหูพจน์ บุรุษที่ 2 คือ you                      ใช้ “have”

 

รูปแบบประโยคปฏิเสธ ใส่ “not” หลัง Verb to have

รูปเต็มI have not left.                                      รูปย่อ   I haven’t left.

            He has not left.                                                            He hasn’t left.

รูปแบบประโยคคำถาม Yes / No                          ขึ้นต้นประโยคด้วย Verb to have

Have I left?                                                       Has he left?

Haven’t I left? (รูปย่อ)                                        Have I not left? (รูปเต็ม)

 

หลักการใช้

 

1.ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและดำเนินต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน

They have studied Japanese for 5 years.

เขาเรียนภาษาญี่ปุ่นมา 5 ปีแล้ว (ปัจจุบันก็ยังเรียนอยู่)

หมายเหตุ มักมีบุพบท since = ตั้งแต่ และ for = เป็นเหตุ อยู่ในประโยค

2.ใช้บรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและจบไปแล้ว แต่ยังคงเห็นผลในปัจจุบัน

Jack has had a car accident. แจ๊คได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์แสดงว่าอาจอยู่โรงพยาบาล

แต่ Jack had a car accident. แจ๊คได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์ แสดงว่าออกจากโรงพยาบาลแล้ว

3.ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดไปแล้วเหมือน Past Simple Tense แต่จะย้ำเรื่องของการกระทำมากกว่า

Jane has seen the movie already. เจนได้ชมภาพยนตร์แล้วไม่ได้ย้ำว่าเมื่อไหร่

Jane saw the movie yesterday. เจนได้ชมภาพยนตร์เมื่อวานนี้ ย้ำเรื่องเวลาคือเมื่อวานนี้

4.ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปใหม่ๆ

They have just left.พวกเขาเพิ่งจะออกไป

มักมีคำว่า just = เพิ่งจะ  lately / recently = เมื่อเร็ว ๆนี้ วางไว้หลัง v.to have หรือ v.3

 

Past Continuous Tense

 

รูปแบบ

Was / Were + V. – ing

 

หลักการใช้

 

1.ใช้เพื่อบอกถึงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในอดีต

Ex. This time last year I was living in London.

(ฉันกำลังอยู่ที่ลอนดอนในเวลานี้ เมื่อปีที่แล้ว)

2.Past Continuous Tense มักใช้ควบคู่กับ Past Simple Tense เพื่อแสดงความสัมพันธ์ของเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นในอดีต เหตุการณ์หนึ่งกำลังดำเนินอยู่และอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดซ้อนขึ้นมา

Ex. I was taking a bath when the phone rang.

(ฉันกำลังอาบน้ำอยู่เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น)

3.ใช้เพื่อแสดงว่าเหตุการณ์หรือบางสิ่งบางอย่างในอดีตกำลังเปลี่ยนแปลง พัฒนา หรือก้าวหน้าไป

4.ใช้เพื่อเน้นว่าเหตุการณ์สองเหตุการณ์ในอดีตกำลังเกิดขึ้นต่อเนื่องกัน

Ex. While Jane was sewing, Mary was painting.

(ขณะที่เจนกำลังเย็บผ้า แมรี่ก็กำลังวาดรูป)

5.ขอให้เปรียบเทียบการใช้ Past Simple Tense กับ Past Continuous Tense

Ex. When Tom arrived, we were having dinner.

(เมื่อทอมมาถึงเรากำลังรับประทานอาหารเย็น)

When Tom arrived, we had dinner.

(เมื่อทอมมาถึง เรา(จึง)รับประทานอาหารเย็นกัน)

Present Continuous Tense

 

รูปแบบ

Verb to be (is/am/are) + V. – ing

 

หลักการใช้

 

1.ใช้แสดงเหตุการณ์ที่กำลังกระทำอยู่ในขณะที่พูด ซึ่งอาจจะมีคำกิริยาวิเศษณ์ (adverb) เช่น now, at this / the moment, right now

Ex. It’s raining now.

2.ใช้แสดงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้และค่อนข้างแน่นอน

Ex. Christmas is coming.

3.ใช้แสดงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นขณะที่พูด แต่จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น

Ex. Mary is staying at the Dusit Thani Hotel.

4.ใช้ในประโยคที่มีเหตุการณ์ 2 ประโยค ซ้อนกัน

Ex. As Ann is doing her homework, Jack arrives.

(As แปลว่า ขณะที่ ด้านหน้าเป็นประโยคหลัก ด้านหลังเป็นประโยคซ้อน)

While they are playing football in the field, a dog runs in.

 

กิริยาต่อไปนี้ไม่นิยมใช้ Present Continuous Tense

1.กิริยาที่แสดงการรับรู้ เช่น feel, hear, notice, recognize, see, smell, taste, observe

2.กิริยาเกี่ยวกับจิตใจ เช่น agree, appreciate, assume, believe, expect, feel, forget, perceive, realize, recall, recognize, see

3.กริยาที่แสดงความเป็นเจ้าของ เช่น belong to, owe, own, possess

4.กริยายกเว้นตัวอื่นๆ เช่น concern, consist, contain, hold, matter, seem, sound, v.to be ที่ทำหน้าที่เป็นกริยาแท้ของประโยค

Past Simple Tense

 

รูปแบบ

ประธาน + V2

 

หลักการใช้

 

1.ใช้เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบสิ้นไปแล้วในอดีต โดยไม่จำกัดเวลา

Ex. I was a student 20 years ago.

 

2.ใช้เพื่อบอกความจริงที่เกิดขึ้นในอดีต

 

3.ใช้ใน if – clause ชนิดที่ 3

            ชนิดที่ 1 ความจริงทั่ว ๆ ไป

Ex. If there is no air, we dir. (เพรสเซน, เพรสเซน)

            ชนิดที่ 2 อนาคตที่เป็นไปได้

Ex. If he come, I will go.

            ชนิดที่ 3 แบบปัจจุบันที่ไม่จริง

Ex. If he came, I would go. (V2,V2)

            ชนิดที่ 4 อดีตที่ไม่จริง

Ex. If he had come, would have gon. (had + V3) เพรสเซนPerfatc

รูปแบบ

 

1. ประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 กริยาจะเติม  s,es

Ex. John walks. / The dog stares at me. / She goes to school.

 

2.ประธานเป็นพหูพจน์ หรือ เอกพจน์ บุรุษที่ 1 และ 2 กริยาอยู่ในรูป v1 ไม่เติม s,es

Ex. We enjoy this book. / They go to a movie. / I like ice-cream.

 

3. Verb to have

ประธานเอกพจน์ บุรุษที่ 1 และ 2              have                 (I, You)

ประธานพหูพจน์ บุรุษที่ 1,2 และ 3           have                 (We, They)

ประธานเอกพจน์ บุรุษที่ 3                        has                  (He, She)

 

4. Verb to do

ประธานเอกพจน์ บุรุษที่ 1 และ 2              do                    (I, You)

ประธานพหูพจน์ บุรุษที่ 1,2 และ 3           do                    (We, They)

ประธานเอกพจน์ บุรุษที่ 3                        does                (He, She)

 

5. Verb to be

ประธานเอกพจน์ บุรุษที่ 1                        am                   (I)

ประธานพหูพจน์ บุรุษที่ 1,2 และ 3           are                   (We, You [ใช้ได้ทั้งเอกพจน์และพหูพจน์],

 They, The boys)

ประธานเอกพจน์ บุรุษที่ 3                        is                      (He, She)

 

ข้อสังเกต

1.คำกริยาที่ลงท้ายด้วย ss, sh, ch, x และo ให้เติม es

2.คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y ต้องเปลี่ยน y เป็น I แล้วเติม es

 

ข้อยกเว้น         กริยาบางตัวแม้จะลงท้ายด้วย y แต่ถ้าหน้า y เป็นสระให้เติม s ได้เลย

 

หลักการใช้

 

1.ใช้แสดงข้อความที่เป็นจริงโดยทั่ว ๆ ไปหรือตามธรรมชาติ ,สุภาษิต คำพังเพย ,ไม่เปลี่ยนทั้งอดีต อนาคตและปัจจุบัน

Ex. Horses eat grass. / Still water runs deep. / Water is a kind of element.

ถ้าเป็นสุภาษิต คำพังเพยจะมีคำว่า (old) Saying หรือ adage

 

2.ใช้แสดงการกระทำที่เป็นนิสัยหรือกระทำซ้ำเสมอ ๆ

ข้อสังเกต มักจะมีคำกริยาวิเศษณ์ (adverb) เช่น always, sometimes, every (day, week, year, month, time, morning, night, summer) , usually, generally, often, sometimes, normally, (once, twice, three times) a week.

Ex. They often work at night. , He goes to church every Sunday.

 

3.ใช้แสดงความเป็นจริงในปัจจุบันรวมทั้งสิ่งที่เป็นขนบธรรมเนียมและประเพณี (รวมกับข้อ 1 ก็ได้)

Ex. “Sawasdi” is the Thai word of greeting. / Buddhists pay respect to monks.

 

4.ใช้ในประโยคอุทาน

Ex. What happens! There goes the bus!

มักจะมี ! เสมอ ถ้าขึ้นต้นประโยคด้วย Here หรือ There v. ที่ตามหลังจะไม่ผันตาม Here หรือ There แต่จะผันตามคำนามที่ตามหลัง

 

5.ใช้กับเหตุการณ์สองเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นโดยเป็นเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ประโยคหลักอยู่หน้า ประโยคย่อยอยู่หลัง และจะเชื่อมด้วย when, whenever, as soon as, before, till, until, if, unless, every time (ถ้าประโยคหลักเป็น Present ประโยคย่อยก็จะต้องเป็น Present)

Ex. She will go out when he come.

 

6.ใช้กับกริยาที่แสดงความรู้สึก อารมณ์หรือการรับรู้ เช่น see, love, appear, hate, hope, smell, dislike, like, want, look นิยมใช้เป็น Present Simple Tense

Ex. I love you very much

 

7.ใช้แสดงเหตุการณ์ในอนาคตแต่มักจะเป็นอนาคตอันใกล้และค่อนข้างแน่นอน หรือตารางเวลาที่วางไว้ล่วงหน้า

Ex. The train leaves in a few minutes.

สามารถใช้ได้ 3 แบบ       1.แบบหลักคือ Future (will + v.)

                                    2.Present Simple

                                    3.Present Continuous (v.be + ing )