รูปแบบ

 

1. ประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 กริยาจะเติม  s,es

Ex. John walks. / The dog stares at me. / She goes to school.

 

2.ประธานเป็นพหูพจน์ หรือ เอกพจน์ บุรุษที่ 1 และ 2 กริยาอยู่ในรูป v1 ไม่เติม s,es

Ex. We enjoy this book. / They go to a movie. / I like ice-cream.

 

3. Verb to have

ประธานเอกพจน์ บุรุษที่ 1 และ 2              have                 (I, You)

ประธานพหูพจน์ บุรุษที่ 1,2 และ 3           have                 (We, They)

ประธานเอกพจน์ บุรุษที่ 3                        has                  (He, She)

 

4. Verb to do

ประธานเอกพจน์ บุรุษที่ 1 และ 2              do                    (I, You)

ประธานพหูพจน์ บุรุษที่ 1,2 และ 3           do                    (We, They)

ประธานเอกพจน์ บุรุษที่ 3                        does                (He, She)

 

5. Verb to be

ประธานเอกพจน์ บุรุษที่ 1                        am                   (I)

ประธานพหูพจน์ บุรุษที่ 1,2 และ 3           are                   (We, You [ใช้ได้ทั้งเอกพจน์และพหูพจน์],

 They, The boys)

ประธานเอกพจน์ บุรุษที่ 3                        is                      (He, She)

 

ข้อสังเกต

1.คำกริยาที่ลงท้ายด้วย ss, sh, ch, x และo ให้เติม es

2.คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y ต้องเปลี่ยน y เป็น I แล้วเติม es

 

ข้อยกเว้น         กริยาบางตัวแม้จะลงท้ายด้วย y แต่ถ้าหน้า y เป็นสระให้เติม s ได้เลย

 

หลักการใช้

 

1.ใช้แสดงข้อความที่เป็นจริงโดยทั่ว ๆ ไปหรือตามธรรมชาติ ,สุภาษิต คำพังเพย ,ไม่เปลี่ยนทั้งอดีต อนาคตและปัจจุบัน

Ex. Horses eat grass. / Still water runs deep. / Water is a kind of element.

ถ้าเป็นสุภาษิต คำพังเพยจะมีคำว่า (old) Saying หรือ adage

 

2.ใช้แสดงการกระทำที่เป็นนิสัยหรือกระทำซ้ำเสมอ ๆ

ข้อสังเกต มักจะมีคำกริยาวิเศษณ์ (adverb) เช่น always, sometimes, every (day, week, year, month, time, morning, night, summer) , usually, generally, often, sometimes, normally, (once, twice, three times) a week.

Ex. They often work at night. , He goes to church every Sunday.

 

3.ใช้แสดงความเป็นจริงในปัจจุบันรวมทั้งสิ่งที่เป็นขนบธรรมเนียมและประเพณี (รวมกับข้อ 1 ก็ได้)

Ex. “Sawasdi” is the Thai word of greeting. / Buddhists pay respect to monks.

 

4.ใช้ในประโยคอุทาน

Ex. What happens! There goes the bus!

มักจะมี ! เสมอ ถ้าขึ้นต้นประโยคด้วย Here หรือ There v. ที่ตามหลังจะไม่ผันตาม Here หรือ There แต่จะผันตามคำนามที่ตามหลัง

 

5.ใช้กับเหตุการณ์สองเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นโดยเป็นเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ประโยคหลักอยู่หน้า ประโยคย่อยอยู่หลัง และจะเชื่อมด้วย when, whenever, as soon as, before, till, until, if, unless, every time (ถ้าประโยคหลักเป็น Present ประโยคย่อยก็จะต้องเป็น Present)

Ex. She will go out when he come.

 

6.ใช้กับกริยาที่แสดงความรู้สึก อารมณ์หรือการรับรู้ เช่น see, love, appear, hate, hope, smell, dislike, like, want, look นิยมใช้เป็น Present Simple Tense

Ex. I love you very much

 

7.ใช้แสดงเหตุการณ์ในอนาคตแต่มักจะเป็นอนาคตอันใกล้และค่อนข้างแน่นอน หรือตารางเวลาที่วางไว้ล่วงหน้า

Ex. The train leaves in a few minutes.

สามารถใช้ได้ 3 แบบ       1.แบบหลักคือ Future (will + v.)

                                    2.Present Simple

                                    3.Present Continuous (v.be + ing )